วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ลอยกระทงราชภัฏอุดรธานี



   

ลอยกระทงราชภัฏอุดรธานี


       วันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 เมื่อเวลา 16.00 น. ได้มีการจัดงานลอยกระทงขึ้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
       เนื่องด้วยวันที่ 6 พฤศจิกายนเป็นวันลอยกระทง ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จึงได้มีการจัดงานลอยกระทงขึ้น ซึ่งจัดก่อน 1 วัน ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปด้วยความสนุกสนาน ซึ่งภายในงานก็ยังมีการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและกระทงขายอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประวัติบ้านหนองโน ตำบลดงเมืองแอม เขาสวนกวาง


 ประวัติบ้านหนองโน



บ้านหนองโน: หมู่ที่ 8 อยู่ในเขตการปกครองของตำบลดงเมืองแอม อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น การเข้าสู่หมู่บ้านจากศาลากลางจังหวัดขอนแก่น สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถยนต์โดยสารประจำทาง โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 สายขอนแก่น – อุดรธานี ตามถนนมิตรภาพ จากศาลากลางจังหวัดขอนแก่นไปทางทิศเหนือ ผ่านอำเภอน้ำพอง รวมระยะทาง 65 กิโลเมตร
ประวัติหมู่บ้าน: เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมหนองโน หนองบ่อ และหนองขุมดิน ซึ่งมีนายคม ซึ่งเป็นราษฎรที่อพยพมาจากจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ก่อตั้ง ต่อมามีราษฎรจากจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดขอนแก่น อพยพมาอยู่มาขึ้น จึงตั้งหมู่บ้านเป็นบ้านหนองโน
ด้านศาสนา: มีวัดในชุมชน 1 แห่ง คือ วัดหนองโน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
ด้านการศึกษา: ไม่มีโรงเรียนในชุมชนแต่เดินทางไปเรียนร่วมกับโรงเรียนใกล้บ้าน คือ โรงเรียนหนองแวงเรือประชาศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประศึกษาปีที่6
ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน: คือ นายอินตรา อุตรนคร

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ประวัติตำบลนางิ้ว อำเภอเขาสวนกวาง



ประวัติตำบลนางิ้ว


ประวัติความเป็นมา : องค์การบริหารส่วนตำบลนางิ้ว ได้รับการยกฐานะจากสภาตำบลนางิ้ว เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลงิ้ว เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 มีจำนวนหมู่บ้านทั้งสิ้น 7 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่1 บ้านนางิ้ว หมู่2 บ้านนาง้อง หมู่3 บ้านโนนสวรรค์ หมู่4 บ้านแสงสว่าง หมู่5 บ้านดงเย็น หมู่6 บ้านขามป้อม หมู่7 บ้านนาโพธิ์

สภาพทั่วไปของตำบล : ตำบลนางิ้วมีเนื้อที่ประมาณ 68,326 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะทั่วไปเป็นที่ราบสูง ใกล้ภูเขาเหมาะสำหรับการทำไร่ ทำนา

อาณาเขตตำบล : ทิศเหนือ ติดต่อ ต.โนนสมบูรณ์ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
ทิศใต้ ติดต่อ ต.เขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
ทิศตะวันออก ติดต่อ จ.อุดรธานี
ทิศตะวันตก ติดต่อ จ.หนองบัวลำภู

จำนวนประชากรของตำบล : จำนวนประชากรทั้งสิ้น 5,095 คน เป็นชาย 2,563 คน เป็นหญิง 2,532 คน

ข้อมูลอาชีพของตำบล : อาชีพหลักทำเกษตรกรรม

ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบล : 1.โรงเรียน 6 แห่ง
2.ศูนย์เด็กเล็กวัดโพธิ์ศรีสำราญบ้านนางิ้ว
3.วัด 7 แห่ง
4.สถานีอนามัย 1 แห่ง 

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

MS NEWS พิธีซ้อมรับปริญญา มรภ.อุดรธานี

ประวัติวัดเขาสวนกวาง

    



หลายๆท่านยังคงจำกันได้กับ กรณีวัดเขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น นำเอาพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 8 มาตั้งไว้หน้าวัด พร้อมกับข้อความทรงพระเจริญ ในช่วงวโรกาสวันมหามงคล เฉลิมพระชนพรรษา 5 ธันวาคม 2554 แม้จะได้รับคำยืนยัน คำชี้แจงจากวัดว่าเป็นกิจกรรมสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ไม่มีอะไรแอบแฝง ซึ่งตัวผมและทีมงานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อมูล ข้อเท็จจริงจึงจะขอนำมาบอกเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องนี้กันครับ
       ในส่วนที่ผมพอจะพูดได้ก็คือการเชื่อมโยงกันระหว่างเฟสบุคของคุณยิ่งลักษณ์ และวัดป่าเขาสวนกวาง จากการลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด และการประสานค้นคว้าหาข้อมูลจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ปรากฎว่าพบหลักฐานชัดเจนที่ขัดกับคำกล่าวอ้างของวัดป่าเขาสวนกวาง  คือ
1.การอ้างว่าหลังจากเสร็จงานโครงการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติแล้ว วัดวิเวกธรรม อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น มายืมพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 9 ไป ใช่ในกิจกรรมงานบรรพชาสามเณร เฉลิมพระเกียรติ ฯ
- จากการตรวจสอบที่ชัดเจน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น ,สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดขอนแก่น,สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นธรรมยุติ ก็ไม่พบมีโครงการบรรพชาสามเณร ที่จัดโดยวัดวิเวกธรรม ( เพราะวัดวิเวกธรรม ที่ระบุว่าอยู่ในพื้นที่ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ไม่มี ) และแม้จะมีชื่อวัดพ้องกัน คือวัดป่าวิเวกธรรม ตั้งอยู่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ก็ไม่มีการจัดกิจกรรมบรรพชาสามเณรเฉลิมพระเกียรติเช่นกันและถึงกระทั่งตอนนี้ พระบรมฉายาลักษณ์ที่กล่าวอ้างว่ายืมไป ก็ยังไม่มีการ นำมาคืน
2.การอ้างว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 3 รัชกาล ทรงเคยเสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้
- จากการตรวจสอบหอจดหมายเหตุแห่งชาติพบว่า การอ้างดังกล่าวเป็นเรื่องเท็จ เพราะวัดป่าเขาสวนกวางสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2483
      พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 หลังจากทรงสละราชบัลลังก์และเสด็จไปประทับรักษาพระองค์ที่ประเทศอังกฤษในปี พ.ศ.2477 วัดป่าเขาสวนกวางยังไม่สร้างเลย จะเสด็จไปได้อย่างไร
      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดี รัชกาลที่ 8 ทรงครองราชย์ ในปี พ.ศ.2477 และทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการก่อนจะเสด็จไปศึกษาต่อ แล้วเสด็จนิวัต พระนคร 2 ครั้งคือ ปี พ.ศ.2481 ( ซึ่งตอนนั้นทรงมีพระชนมายุ 13 ชันษา และวัดก็ยังไม่สร้าง ) และ พ.ศ.2488 ซึ่งทรงประทับอยู่ก่อนจะเสด็จสวรรคต เป็นเวลา 6 เดือนเศษ ก็ไม่มีการเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่อำเภอเขาสวนกวางจังหวัดขอนแก่นเลย
      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ รัชกาลปัจจุบัน ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปในจังหวัดขอนแก่นในคราวเดียวคือ วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2498
      จึงเป็นการกล่าวคำเท็จ และจากการตรวจสอบทำให้ทราบว่ามีการสร้างเรื่อง และมีเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวพันกับสมีจีวรแดง รายละเอียดในส่วนนี้ขอละไว้นะครับ เพราะต้องใช้เป็นหลักฐานต่อคณะ กมธ.
ดังนี้ผมจึงคิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หรือประเด็นเบาๆ ที่เราควรมองข้ามไปเพียงมีการออกมาขอโทษขอโพยกันแล้ว

รับปริญญามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี



ฝึกซ้อมพระราชทานปริญญาบัตร

      เมื่อวันที่ 21-24 ตุลาคม 2557 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีได้มีการฝึกซ้อมพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ปรการศึกษา 2555-2556
      การฝึกซ้อมพระราชทานปริญญาบัตร ณ หอประชุมใหญ่ ได้มีการรายงานตัวเพื่อเข้าห้องประชุม โดยคณบดีเป็นผู้กล่าวต้อนรับบัณฑิต กรรมการฝึกซ้อมชี้แจงรายละเอียดต่างๆ และมีการฝึกซ้อมจริงในวันที่ 25 ตุลาคา 2257 ก่อนเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรวันที่ 26 ตุลาคม 2557 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

วัดเขาสวนกวาง

“พระคุณของท่านเจ้าคุณอริยคุณาธารนี้
เลิศล้ำภายในใจของหลวงพ่อเสมอ เพราะท่านเป็นพระองค์แรกที่พาให้รู้จักทางธรรม
ซึ่งเป็นทางที่สงบระงับและเป็นทางเดินของจิตเพื่อพิชิตกิเลสจริง ๆ”
วัดเขาสวนกวาง
v โดยเฉพาะกวางป่ามีมากจริง ๆ ผู้คนจึงนิยมเรียกว่าเขาสวนกวาง v
เจ้าคุณอริยคุณาธาร
(เส็ง ปุสฺโส)
หลวงพ่ออยู่วัดเขาสวนกวาง ๑ พรรษา สมัยก่อนวัดนี้เป็นดงช้างดงเสือ เป็นป่าดงดิบจริง ๆ ท่านเจ้าคุณอริยคุณาธาร ท่านเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ท่านเดินธุดงค์ผ่านมาในเขตทางจังหวัดขอนแก่น มาจนถึงเขาสวนกวาง เห็นว่าเป็นสถานที่สัปปายะ เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรทางจิต สำหรับพระโยคาวจรผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์ สถานที่ก็ดูรื่นรมย์ดีเหมาะสำหรับพระนักปฏิบัติ สงบสงัด เปลี่ยวกายเปลี่ยวจิต อีกทั้งยังมีสัตว์นานัปการ ช่วยส่งเสริมจิตใจนักภาวนาได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นผู้มุ่งหวังต่อความหลุดพ้นแล้ว สัตว์ ป่า เขา ความน่ากลัวและธรรมชาตินั้น ก็ช่วยผลักดันจิตใจนักภาวนา ให้สงบได้อย่างลึกลับ
ป่าแถบนี้เป็นเขตเทือกเขาภูพาน เป็นป่าที่พระธุดงคกรรมฐานชอบเดินเที่ยววิเวก และเป็นภูเขาที่ทำให้พระธรรมดา ๆ เป็นพระอริยเจ้ามามากต่อมากแล้ว เขาเทือกนี้ทอดแนวยาวเหยียดมาจากทางอำเภอกุมภวาปี อุดรธานี
ที่วัดเขาสวนกวางนี้เดิมเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า มีสัตว์ป่าชุกชุมมาก มันคงจะหนีความตายมาอยู่บนเทือกเขา มีพวกเสือ ช้าง กวาง โดยเฉพาะกวางป่ามีมากจริง ๆ ผู้คนจึงนิยมเรียกว่าเขาสวนกวาง
สมัยก่อนนี้ สมัยหลวงพ่อไปอยู่กับท่านเจ้าคุณอริยคุณาธาร ไม่ค่อยมีผู้คน บ้านเมืองก็มีห่าง ๆ กัน บ้านเรือนที่อยู่อาศัยก็มีไม่มากอย่างเช่นทุกวันนี้ เดินบิณฑบาตประมาณ ๒-๓ กิโลเมตร สถานที่ที่วัด เหมาะดี มีลำธารน้ำไหลผ่านตลอดปี มีเงื้อมหิน มีถ้ำให้นั่งภาวนาได้สะดวกสบาย ธรรมชาติที่นั่นสวยงามมาก
ท่านเจ้าคุณอริยคุณาธารมีบุญคุณต่อหลวงพ่อมาก “ไม่มีท่านก็ไม่มีเราในวันนี้”  เริ่มต้นมาจากท่าน ท่านแนะนำสั่งสอนให้อุบายสำหรับภาวนา ให้แง่คิดต่าง ๆ สอนเราทุกด้านทุกทาง บุญคุณของท่านเราจำไม่ลืม แม้ตอนที่ท่านสึกปี ๒๕๐๘ นั้น ก็ไปดูแลท่านตลอด กลัวท่านจะลำบาก เวลาท่านป่วยก็นำท่านมารักษานำมาอยู่ด้วยที่วัดป่าสาลวันจนกระทั่งตาย พิธีศพก็จัดให้เรียบร้อยอย่างดีทุกอย่าง
คำสอนของท่านเรายังจำได้ไม่ลืม ทั้งตอนที่ออกธุดงค์กับท่าน ทั้งตอนที่มาอยู่กับท่านที่วัดเขาสวนกวาง จริตนิสัยท่านไปในทางทิพยอำนาจ ท่านติดฤทธิเดช ติดนิมิต เอานิมิตมาเป็นเรื่องจริง จิตท่านแปลกสามารถรับรู้อะไร ๆ ที่คนอื่นไม่รู้ และท่านก็ชอบเล่าเรื่องอดีตชาติ เรื่องเทวบุตร เทวดา เรื่องรู้วาระจิตท่านรู้จริง ๆ อันนี้มันไม่ใช่ความบริสุทธิ์ มันก็สามารถเสื่อมได้ เพราะมันเป็นส่วนเกินอันหนึ่งในการภาวนาเท่านั้น พอท่านไปสนใจกับมันมาก ๆ ก็ทำให้หลงได้เหมือนกัน เหมือนกันกับสมาธิ สมาธิไม่ใช่ความบริสุทธิ์ สมาธิมันก็สามารถเสื่อมได้
แต่สิ่งเหล่านี้เป็นทางเดินไปเพื่อความหลุดพ้น ใครจะเดินไปก็ต้องผ่านทางนั้นแต่จะติดจะหลงหรือไม่เท่านั้น ถ้าผู้มีวิจัยธรรมใคร่ครวญพินิจพิจารณา มีสติรอบด้าน มีปัญญารอบด้านก็จะไม่ติดสิ่งเหล่านี้

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ประวัติความเป็นมาโนนสมบูรณ์



ประวัติความเป็นมา ตำบลโนนสมบูรณ์

ประวัติความเป็นมา : ตำบลโนนสมบูรณ์ เดิมเป็นหมู่บ้านขึ้นกับตำบลนางิ้ว กิ่งอำเภอเขาสวนกวาง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ได้แยกออกจากตำบลนางวิ้ว ตั้งเป็นตำบลโนนสมบูรณ์ จำนวน 7 หมู่บ้าน ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2523 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 18 ส.ค.2523 ราษฎรส่วนมากเป็นคนซึ่งอพยพมาจากถิ่นฐานอื่น ปัจจุบันตำบลโนนสมบูรณ์ มีหมู่บ้านทั้งหมด 10 หมู่บ้าน และได้รับการจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2540

สภาพทั่วไปของตำบล : ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบและเป็นที่ราบสูง มีพื้นที่ประมาณ 57.32 ตารางกิโลเมตร โดยมีเทือกเขาภูพานคำเป็นเทือกเขากั้นแนวเขต มีแหล่งน้ำที่สำคัญ คือ อ่างเก็บน้ำห้วยคุมมุม ลำห้วยเสือเต้น

อาณาเขตตำบล : ทิศเหนือ จรดตำบลหนองกรุงศรี อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี
ทิศใต้ จรดตำบลนางิ้ว อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
ทิศตะวันออก จรดตำบลโพธิ์ศรีสำราญ อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี
ทิศตะวันตก จรดตำบลกุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

จำนวนประชากรของตำบล : จำนวนประชากรทั้งสิ้น 5,620 คน ชาย 2,795 คน หญิง 2,825 คน

ข้อมูลอาชีพของตำบล : อาชีพหลัก ทำนาข้าว (นาปี) ทำไร่ อ้อย,มันสำปะหลัง อาชีพเสริม เลี้ยงสัตว์

ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบล
1) โรงเรียนประถมศึกษา 7 แห่ง
2) โรงเรียนประถมศึกษา (ขยายโอกาส) 1 แห่ง
3) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง
4) ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด 1 แห่ง
5) วัด/สำนักสงฆ์ 9 แห่ง
6) สถานีอนามัย 2 แห่ง
7) ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล
8) น้ำตก/ลำธาร 1 แห่ง 
วันที่ปรับปรุงข้อมูล : 3/7/2002

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

น้ำตกธารสวรรค์(ถ้ำหมูบ)


น้ำตกธารสวรรค์


น้ำตกธารสวรรค์ ตั้งอยู่ในท้องที่ หมู่ที่ 8 บ้านโนนหัวช้าง ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น เกิดจากแอ่งน้ำธรรมชาติบนเทือกเขาภูพานคำ ไหลผ่านหินภูเขาซึ่งทำให้เป็นร่องน้ำที่คดเคี้ยวและสวยงาม อีกทั้งยังเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามตามธรรมชาติ ยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ฤดูน้ำหลากระหว่างเดือน พฤษภาคม-ตุลาคม จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและพักผ่อนที่บริเวณน้ำตก ส่วนในฤดูแล้งจะมีน้ำปริมาณน้อยแต่จะคงธรณีสัณฐานถึงร่องรอยของน้ำตกให้เห็นสภาพอยู่อย่างเป็นธรรมชาติที่สวยงามหาดูยากมาก
น้ำตกธารสวรรค์ (ถ้ำหมูบ) เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งของตำบลโนนสมบูรณ์ มีลักษณะเป็นลำธารน้ำตกขนาดปานกลาง มีเพิงหินวางทับซ้อนกันเป็นถ้ำเรียกว่า ถ้ำหมูบ (คำว่า "หมูบ" เป็นภาษาอีสาน ตรงกับคำว่า "หมอบ") อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูพานเก้า ภูพานคำ ในฤดูฝนซึ่งจะมีน้ำบริเวณลำธารน้ำตกเป็นจำนวนมาก องค์การบริหารส่วนตำบลโนนสมบูรณ์กับกรรมการหมู่บ้านในตำบลร่วมกันพัฒนา และจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปเที่ยว

ถ้ำหมูบ เป็นถ้ำขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในท้องที่เดียวกันกับน้ำตกธารสวรรค์ ลักษณะเป็นเนินเตี้ย ๆ คล้ายหลังเต่า บริเวณปากถ้ำมีลำธารอันเป็นต้นกำเนิดลำห้วยคุมมุมไหลผ่าน ได้รับการบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่า สมัยก่อนเป็นที่หลบพักอาศัยเป็นแหล่งสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์และเสบียงผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ห่างจากอำเภอเขาสวนกวาง ไปทางด้านทิศตะว้ันตก ระยะทาง ประมาณ ๓๕ กิโลเมตร

การวางแผนกลยุทธ์

การวางแผนกลยุทธ์

-ภารกิจ
รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่ได้อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-โครงร่างของบริษัท
ดำเนินการพัฒนาพื้นที่บนภูเขาสวนกวาง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางธรรมชาติและประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายและเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตพื้นที่
-การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก
= จุดแข็ง
1.มีบุคลากรและเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ครบถ้วนหลากหลายและมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมด้านการสื่อสาร และเทคโนโลยี
2.มีเอกลักษณ์เฉพาะด้าน ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสามารถพัฒนาเพื่อสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยว
จุดอ่อน
1.ประชาชนในพื้นที่ยังขาดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเยาวชนคนรุ่นใหม่ยังขาดการอนุรักษ์สืบทอดศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
2.ขาดบุคลากรที่จะรับผิดชอบและดำเนินการในแต่ละด้านโดยตรงเกี่ยวกับงานบริการสาธารณะ เช่น ด้านนิติกรหรือฝ่ายกฎหมาย ด้านสาธารณสุข ฯลฯ
โอกาส
1.ขอนแก่นเป็นประตูสู่อินโดจีนและจีนตอนใต้ ตามโครงการแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก(EWEC)และแนวพื้นที่เศรษฐกิจเหนือ-ใต้(NSEC)
2.รัฐบาลสนับสนุนให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู เผยแพร่ และถ่ายทอดวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นมากขึ้น
วิกฤต
1.ความไม่ชัดเจนของการประสานงานและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น
2.สภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ ในระดับภูมิภาค ในระดับจังหวัด ส่งผลต่อการพัฒนาท้องถิ่น
-การวิเคราะห์กลยุทธ์และทางเลือกของกลยุทธ์
= 1.พัฒนาภาวะผู้นำขององค์กรให้มีคุณธรรม จริยธรรม และธรรมภิบาล
2.พัฒนาสมรรถนะการทำงานของบุคลากรองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวางทุกระดับและอย่างต่อเนื่อง
3.พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัยเพื่อการบริหารงานและการบริการประชาชน
-วัตถุประสงค์
= 1.เพื่อให้องค์การบริหารส่วนตำบลเขาสวนกวาง เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานในด้านต่างๆ
2.เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ในการประกอบอาชีพตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ และพัฒนาระบบเศรษฐกิจชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภายในอำเภอให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายในระดับจังหวัดและในระดับประเทศ
3.เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน/หมู่บ้าน/ประชาคมท้องถิ่น โดยชุมชน/หมู่บ้าน/ประชาคมท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม
-แผน
= 1.พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และทางด้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นภายในอำเภอให้เป็นที่รู้จักในระดับจังหวัด  และในระดับประเทศ
2.อนุรักษ์ สืบสาน ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณีท้องถิ่น และค่านิยมที่ดีงาม
3.เสริมสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง มีสัมพันธภาพที่ดี เกิดความอบอุ่น ด้วยมิติทางศาสนา   ศิลปวัฒนธรรม
4.สงเคราะห์ และช่วยเหลือแก่ผู้ยากจนและผู้ด้อยโอกาสในด้านที่อยู่อาศัยและการดำรงชีวิต
-นโยบาย
ดำเนินการโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมในอำเภอให้สามารถ สัญจรและสามารถขนส่งผลผลิตทางการเกษตรและอื่นๆได้ตลอดฤดูกาล
-การปฏิบัติตามกลยุทธ์
= 1.ดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชน ประชาชน ประจำปี ภายในอำเภอรวมทั้งตั้งงบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาหมู่บ้าน/ชุมชน ประจำปี
2.ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งและส่วนราชการภายในอำเภอจัดงานประเพณีเทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวาง

น้ำตกตาดฟ้า อำเภอเขาสวนกวาง

น้ำตกตาดฟ้า


ลักษณะ     เป็นน้ำตกเล็กที่ไม่มีน้ำตลอดปี หน้าแล้งจะไม่มีน้ำหน้าฝนจะมีน้ำตกลงมาสวยงามมาก (ลักษณะคล้ายแก่งน้ำ)ประกอบด้วยโขดหินและชั้นหินหลาย

รูปแบบ
เหมาะสำหรับที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ในเรื่องของหินได้เป็นอย่างดี  ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของอำเภอเขาสวนกวาง บริเวณภูเขาสวนกวาง ระยะทางห่างจากอำเภอประมาณ 4 กิโลเมตร

ลักษณะเด่นน้ำตกตาดฟ้าเกิดจากแหล่งน้ำธรรมชาติบนเทือกเขาภูเขาสวนกวาง ลักษณะคล้ายแก่ง และบริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของถ้ำกินรี อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปวัดตาดฟ้า บ้านหนองตะนาน


วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

จารึกวัดศรีเมืองแอม


จารึกวัดศรีเมืองแอม

ชื่อจารึก : วัดศรีเมืองแอม
ชื่อจารึกแบบอื่นๆ : ศิลาจารึกพระเจ้ามเหนทรวรมัน อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓
อักษรที่มีในจารึก : ปัลลวะ
ศักราช : พุทธศตวรรษ  ๑๒
ภาษา : สันสกฤต
ด้าน/บรรทัด : จำนวนด้าน ๑ ด้าน มี ๓ บรรทัด
วัตถุจารึกศิลา : ประเภทหินชนวนสีเขียวลักษณะวัตถุแท่งสี่เหลี่ยม ชำรุดขนาดวัตถุกว้าง ๓๐ ซม. ยาว ๗๘ ซม. หนา ๓๐ ซม.บัญชี/ทะเบียนวัตถุ๑) กองหอสมุดแห่งชาติ กำหนดเป็น “ขก. ๑๕”
๒) ในหนังสือ จารึกในประเทศไทย เล่ม ๑ กำหนดเป็น “จารึกวัดศรีเมืองแอม”
๓) ในวารสาร ศิลปากร ปีที่ ๓๑ ฉบับที่ ๕ (พฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๓๐) กำหนดเป็น “ศิลาจารึกพระเจ้ามเหนทรวรมัน อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓”

ปีที่พบจารึก : พุทธศักราช ๒๕๒๗
สถานที่พบ : วัดศรีเมืองแอม ตำบลดงเมืองแอม อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น
ผู้พบ : เจ้าหน้าที่กองหอสมุดแห่งชาติ
ปัจจุบันอยู่ที่ : วัดศรีเมืองแอม ตำบลดงเมืองแอม อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น
พิมพ์เผยแพร่ : ๑) จารึกในประเทศไทย เล่ม ๑ (กรุงเทพฯ : หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร, ๒๕๒๙), ๑๕๕-๑๕๗.
๒) วารสารศิลปากร ปีที่ ๓๑ ฉบับที่ ๕ (พฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๓๐) : ๗๙-๘๔.

ประวัติ : ในบรรดาจารึกอักษรปัลลวะ ที่พบในภาคอีสานของประเทศไทย มีจารึกกลุ่มหนึ่งจำนวน ๗ หลัก ซึ่งเป็นของพระเจ้าศรีมเหนทรวรมัน มีรูปอักษรเหมือนกัน ข้อความเหมือนกัน ต่างกันเพียงข้อความที่กล่าวถึงสิ่งสร้างขึ้นเพื่อเคารพบูชาเท่านั้น กลุ่มจารึกดังกล่าวประกอบด้วย
๑. จารึกวัดศรีเมืองแอม (ขก. ๑๕) จังหวัดขอนแก่น (สร้างพระศิวลึงค์)
๒. จารึกปากน้ำมูล ๑ (อบ. ๑) จังหวัดอุบลราชธานี (สร้างพระศิวลึงค์)
๓. จารึกปากน้ำมูล ๒ (อบ. ๒) จังหวัดอุบลราชธานี (สร้างพระศิวลึงค์)
๔. จารึกวัดสุปัฏนาราม (อบ. ๔) จังหวัดอุบลราชธานี (สร้างพระศิวลึงค์)
๕. จารึกปากโดมน้อย (อบ. ๒๘) จังหวัดอุบลราชธานี (สร้างพระศิวลึงค์)
๖. จารึกถ้ำภูหมาไน (อบ. ๙) จังหวัดอุบลราชธานี (สร้างพระโค)
๗. จารึกสุรินทร์ (วัดชุมพล) จังหวัดสุรินทร์ (สร้างพระโค) (จารึกหลักนี้ สาบสูญไปแล้ว)
อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาเกี่ยวกับจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมันที่จารึกข้อความเดียวกันนี้ ได้มีการศึกษากันมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๔๘ (ค.ศ. ๑๙๐๓) โดยพบว่าในประเทศลาวมีจารึกภูละคอน (Phou Lokhon) ซึ่งนายโอกุสต์ บาร์ต (Auguste Barth) ได้ทำการอ่านและแปล ตีพิมพ์ลงใน Bulletin de l’École Française d’Éxtrême-Orient, tome III : 1903 (พ.ศ. ๒๔๔๖) เรื่อง Inscription Sanscrite du Phou Lokhon (Laos) ต่อมา ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับจารึกที่พบในจังหวัดอุบลราชธานี ทำให้พบว่าที่จังหวัดอุบลราชธานีนี้ มีจารึกที่มีข้อความเหมือนกันกับจารึกภูละคอนจำนวน ๓ หลัก คือ จารึกขันเทวดา ๒ หลัก (จารึกขันเทวดานี้มี ๒ หลัก ต่อมา หอสมุดแห่งชาติ ตั้งชื่อใหม่ให้ว่า “จารึกปากมูล ๑ (อบ. ๑)” และ “จารึกปากมูล ๒ (อบ. ๒)” และ จารึกถ้ำปราสาท (บางครั้งเรียกกันว่า จารึกภูหมาไน (อบ. ๔) แต่เนื่องจากที่ภูหมาไนมีจารึกอีกหลักหนึ่ง มีข้อความเช่นเดียวกัน ทำให้มีการตั้งชื่อเรียกใหม่ คือ จากเดิมชื่อจารึกถ้ำปราสาท หรือ จารึกภูหมาไน (อบ. ๔) ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “จารึกวัดสุปัฏนาราม (อบ. ๔)” ส่วนจารึกอีกหลักที่ภูหมาไนก็ได้เรียกว่า “จารึกภูหมาไน (อบ. ๙)” แทน)
ต่อมา เอริก ไซเด็นฟาเด็น (Erik Seidenfaden) ได้เขียนรายงานการสำรวจโบราณคดีใน ๔ จังหวัดในแถบอีสานใต้ของประเทศไทย โดยในส่วนที่เกี่ยวกับศิลาจารึกที่สำรวจพบนั้น ได้รับความช่วยเหลือจาก ศ. ยอร์ช เซเดส์ ทำการอ่านและแปล ซึ่งได้แก่ จารึกขันเทวดา และ จารึกถ้ำปราสาท โดยความช่วยเหลือแล้วนำไปตีพิมพ์ใน Bulletin de l’École Française d’Éxtrême-Orient XXII, 1922 (พ.ศ. ๒๔๖๕) ในบทความชื่อว่า Complément a l’inventaire descriptif des monuments du Cambodge pour les quatre provinces du Siam Oriental. อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ชะเอม แก้วคล้าย กองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้เขียนบทความเรื่อง ศิลาจารึกวัดสุปัฏนาราม ศิลาจารึกปากน้ำมูล ลงในวารสารศิลปากร ปีที่ ๒๕ ฉบับที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๒๔ หน้า ๔๗ ได้อ่านและแปลจารึกของพระเจ้าศรีมเหนทรวรมันจำนวน ๓ หลักขึ้นใหม่อีกครั้ง คือ
๑. จารึกปากน้ำมูล (อบ. ๑) (เดิมเรียกกันว่า จารึกขันเทวดา ถูกกล่าวถึงและตีพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ ใน Bulletin de l’École Française d’Éxtrême-Orient XXII, 1922. ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “จารึกปากน้ำมูล ๑”
๒. จารึกปากน้ำมูล (อบ. ๒) (เดิมเรียกกันว่า จารึกขันเทวดา ถูกกล่าวถึงและตีพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ ใน Bulletin de Bulletin de l’École Française d’Éxtrême-Orient XXII, ๑๙๒๒. ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “จารึกปากน้ำมูล ๒”
๓. จารึกวัดสุปัฏนาราม (อบ. ๔) (เดิมเรียกกันว่า จารึกถ้ำปราสาท หรือ จารึกภูหมาไน ถูกกล่าวถึงและตีพิมพ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ ใน Bulletin de l’École Française d’Éxtrême-Orient XXII, 1922.
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ กองหอสมุดแห่งชาติได้ตีพิมพ์หนังสือชุด จารึกในประเทศไทย จำนวน ๕ เล่ม โดยในเล่มที่ ๑ ได้มีการรวบรวมจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน (ศรีจิตรเสน) ที่พบในประเทศไทยทั้งของที่พบแต่เดิมและที่เพิ่งสำรวจพบใหม่ รวมจำนวนได้ ๔ หลัก ได้แก่ ๑) จารึกวัดศรีเมืองแอม (ขก. ๑๕) (สำรวจพบเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗)(๒) จารึกปากน้ำมูล ๑ (อบ. ๑) (๓) จารึกปากน้ำมูล ๒ (อบ. ๒) และ (๔) จารึกวัดสุปัฏนาราม ๑ (อบ. ๔)
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ชะเอม แก้วคล้าย กองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้เขียนบทความเรื่อง “ศิลาจารึกพระเจ้ามเหนทรวรมัน อักษรปัลลวะภาษาสันสกฤต ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๓” ตีพิมพ์ใน วารสารศิลปากร ปีที่ ๓๑ ฉบับที่ ๕ (พฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๓๐) หน้า ๗๙-๘๔ โดยได้นำเสนอเปรียบเทียบคำอ่านและแปลของกลุ่มจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมันจำนวน ๓ หลัก คือ
(๑) จารึกภูหมาไน (อบ. ๙) (๒) จารึกวัดศรีเมืองแอม (ขก. ๑๕) และ (๓) จารึกถ้ำเป็ดทอง (บร. ๔) (จารึกหลักนี้ ข้อความต่างออกไป แต่ก็ยังคงกล่าวสรรเสริญพระเจ้ามเหนทรวรมัน)
ต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๕ ชะเอม แก้วคล้าย ได้เขียนบทความเรื่อง “รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ศิลาจารึกปากโดมน้อย” และ “รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ศิลาจารึกถ้ำภูหมาไน (ถ้ำปราสาท)” ลงในหนังสือ “โบราณคดีเขื่อนปากมูล” ซึ่งในรายงานฉบับดังกล่าวนี้ ได้กล่าวถึงภาพรวมของกลุ่มจารึก ศรีมเหนทรวมันนี้ด้วย

เนื้อหาโดยสังเขป : ข้อความในจารึกกล่าวถึงพระเจ้าจิตรเสน กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ทรงได้ชัยชนะเหนือกัมพูประเทศ และได้เฉลิมพระนามว่า “ศรีมเหนทรวรมัน” อีกทั้งโปรดให้สร้างรูปเคารพต่างๆ ในลัทธิไศวนิกายไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะของพระองค์ ซึ่งในจารึกวัดศรีเมืองแอมนี้ เป็นการสร้างพระศิวลึงค์ ดังนั้น จากจารึกทั้ง ๗ หลักนี้ จึงเป็นหลักฐานอย่างดีว่า อารยธรรมแถบลุ่มแม่น้ำชี และลุ่มแม่น้ำมูลในระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ นั้น มีผู้นำของอาณาจักรนับถือศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกาย
ผู้สร้าง : ศรีมเหนทรวรมัน
การกำหนดอายุ : กำหนดอายุตามรูปแบบของตัวอักษรปัลลวะ ได้อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ นอกจากนี้ เนื้อความยังกล่าวถึงรัชสมัยของพระเจ้าศรีมเหนทรวรมัน ซึ่งครองราชย์อยู่ราว พ.ศ. ๑๑๕๐-๑๑๕๙ ดังนั้น จึงอาจกำหนดอายุเป็นราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ก็ได้เช่นกัน

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

ประวัติดงเมืองแอม


เมืองโบราณดงเมืองแอม ตำบลดงเมืองแอม อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น

ประวัติความเป็นมา : ตำบลเมืองแอมอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอเขาสวนกวาง มีจำนวนหมู่บ้านทั้งสิ้น 15 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่1 บ้านดงเมืองแอม หมู่2 บ้านโนนน้ำผึ้ง หมู่3 บ้านทุ่งบ่อ หมู่4 บ้านดงบง หมู่5 บ้านห้วยยาง หมู่6 บ้านโคกสูง หมู่7 บ้านหนองแวงเรือง หมู่8 บ้านหนองโน หมู่9 บ้านหนองคู หมู่10 บ้านคำสมบูรณ์ หมู่11 บ้านคำเจริญ หมู่12 บ้านคำแคน หมู่13 บ้านหนองแวงประชา หมู่14 บ้านทุ่งบ่อใหม่ หมู่15 บ้านห้วยยางศรีวิไล

สภาพทั่วไปของตำบล : สภาพทั่วไปเป็นที่ราบสูง และที่ราบลุ่ม ดินมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย มีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ ลำห้วยเสือเต้น ลำห้วยคล่องโปรด


อาณาเขตตำบล : ทิศเหนือ ติดต่อ ต.นางิ้ว ต.ศรีสุขสำราญ ต.เขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
ทิศใต้ ติดต่อ ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น
ทิศตะวันออก ติดต่อ ต.เขาสวนกวาง ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น
ทิศตะวันตก ติดต่อ ต.นาคำ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น

จำนวนประชากรของตำบล : จำนวนประชากรทั้งสิ้น 8,567 คน เป็นชาย 4,254 คน เป็นหญิง 4,313 คน
จำนวนครัวเรือน 1,757 ครัวเรือน

ข้อมูลอาชีพของตำบล : อาชีพหลัก ทำนา ทำสวน ทำไร

ข้อมูลสถานที่สำคัญของตำบล : 1.สถานีอนามัยบ้านดงบัง
2.สถานีอนามัยบ้านหนองแวงเรือ
3.วัด 12 แห่ง
4.โรงเรียน 11 แห่ง
5.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคำสมบูรณ์, ศูนย์พัฒนาการเด็กเล็กบ้านคำแคน, ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์



วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

สวนสัตว์ขอนแก่น


สวนสัตว์ขอนแก่นหรือชื่อเดิมคือ “สวนสัตว์เขาสวนกวาง” อยู่ในพื้นที่อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบน ขอนแก่น – อุดรธานี 
เป็นพื้นที่ลักษณะภูเขาตั้งอยู่ในเขตเชื่อมต่อระหว่าง จ.ขอนแก่น และ จ.อุดรธานี โดยตั้งอยู่ใน อ.เขาสวนกวาง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องอาหาร - ไก่ย่างเขาสวนกวาง )

เดิมพื้นที่บริเวณภูเขาแห่งนี้มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ โดยเฉพาะ เก้ง กวาง จำนวนมากจึงทำให้คนท้องถิ่นเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า "เขาแสนกวาง" และต่อมาจึงเพี้ยนเป็น "เขาสวนกวาง" ในปัจจุบัน


หากคุณเป็นอีกคนที่มีโอกาสมาเยือนอำเภอเขาสวนกวางของจังหวัดขอนแก่น ขอแนะนำว่าคุณต้องไม่พลาดไปเยือน "อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น - อุดรธานี" (Upper Esaan Wild Animal Adventure Park Khonkaen-Udonthani) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ "สวนสัตว์เขาสวนกวาง" อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการเที่ยวชมธรรมชาติและสัตว์ป่า รวมไปถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญให้กับประชาชนได้เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย

อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น - อุดรธานี เป็นอุทยานสัตว์ป่าที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 4,696 ไร่ เป็นสวนสัตว์เปิดในลักษณะอุทยานสัตว์ป่า (Adventure Park) มีการจัดกิจกรรมท่องเที่ยว โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้แก่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ค่ายเรียนรู้เยาวชน บริการเรือนพักอาศัย ศูนย์สัมมนาและส่งเสริมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


นอกจากนี้ภายในอุทยานสัตว์ป่ายังมีการจัดแสดงสัตว์ป่าโดยแข่งออกเป็นส่วนๆ ได้แก่

1. ส่วนแสดงสัตว์กีบประเภทกวาง อูฐ จิงโจ้ เนื้อทราย ส่วนแสดงสัตว์แอฟริกา
2. ส่วนแสดงสัตว์เล็ก เวทีแสดง ลานชมการแสดง เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เต้นท์พักแรม
3. ส่วนแสดงสัตว์น้ำซึ่งจะมีการจัดแสดงในรูปแบบอควาเรียม รวมถึงเครื่องเล่น และสวนน้ำเล็กๆ
4.ส่วนบริการร้านค้า ค่ายพักแรม บ้านพักรับรอง อาคารเอนกประสงค์ ลานจอดรถ ระบบคมนาคมภายใน และระบบสาธารณูปโภค อาคารศูนย์ประสานงานฯลฯ

สำหรับการเดินทางไปเที่ยวอุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนขอนแก่น - อุดรธานี ค่อนข้างเดินทางสะดวกสบาย เนื่องจากถูกขนาบด้วยสนามบินถึง 2 แห่ง คือ สนามบินอุดรธานี และขอนแก่น หรือเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถโดยสารประจำทางจากตัวจังหวัดถึงอำเภอเขาสวนกวาง ตามถนนมิตรภาพ ระยะทาง ประมาณ 50 ก.ม.เท่านั้น หรือจะเดินทางโดยรถไฟก็ได้

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

สวนสัตว์เขาสวนกวาง


สวนสัตว์เขาสวนกวาง
หากนึกถึงขอนแก่น หลายคนคงนึกไปถึงเสียงแคน ดอกคูณ และไดโนเสาร์ที่ภูเวียง แต่จะมีใครคิดถึง สวนสัตว์ แหล่งรวมจินตนาการของเราเมื่อครั้งยังเด็กกันหรือเปล่านะ สวนสัตว์เขาสวนกวาง เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดขอนแก่น เพราะถ้าพูดถึงเขาสวนกวาง คุณคงต้องนึกถึงไก่ย่างเขาสวนกวาง ของดีมีชื่อ แถมยังรสชาติอร่อย สมกับคำกล่าวขานเสียจรb'อำเภอเขาสวนกวาง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดขอนแก่น และยังเป็นที่ตั้งของ สวนสัตว์เขาสวนกวาง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ใครก็รู้จักนั่นเอง ปัจจุบันสวนสัตว์แห่งนี้ ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นสวนสัตว์ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ 

     สวนสัตว์เขาสวนกวาง คือ
สถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบน ขอนแก่น-อุดรธานี (สวนสัตว์เขาสวนกวาง) โดยอยู่ในสังกัดขององค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 27 เมษายน 2552 เนื้อที่ 3,338 ไร่ 

หลายคนที่ลังเลไม่แน่ใจว่าจะมาเที่ยว สวนสัตว์เขาสวนกวาง ดีหรือเปล่า มาแล้วจะเจอแต่กวาง หรือมีสัตว์อื่นๆบ้างมั้ย แน่นอนค่ะว่าภายในสวนสัตว์นั้นมีสัตว์มากมายหลากหลายชนิด ซึ่งจะมีการจัดแสดงโดยแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็น ส่วนแสดงสัตว์ตระกูลกวาง ซึ่งจะมีกวางหน้าตาน่ารักออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมาย 

นอกจากนี้แล้ว อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบน ขอนแก่น-อุดรธานี ยังมี กิจกรรมแค้มป์ปิ้งและค่ายเรียนรู้ ซึ่งไม่กิจกรรมต่างๆมากมายให้คุณได้เลือกทไ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางไกล เดินป่าศึกษาธรรมชาติ เรียนรู้ชีวิตสัตว์ป่า และอื่นๆอีกมากมาย 

     เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว คุณคงตัดสินใจได้ไม่ยากนะคะว่าจะมาเที่ยว สวนสัตว์เขาสวนกวาง ดีหรือเปล่า สำหรับใครที่มีวันหยุดยาว สามารถแวะเวียนมายังสวนสัตว์แห่งนี้ได้เสมอค่ะ  สำหรับคนที่สนใจอยากมาเที่ยวสามารถ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบน ขอนแก่น-อุดรธานี (สวนสัตว์เขาสวนกวาง) 

เขาสวนกวาง ขอนแก่น


อำเภอเขาสวนกวางเป็นหนึ่งในยี่สิบหกอำเภอของจังหวัดขอนแก่น เดิมเป็นกิ่งอำเภอขึ้นกับอำเภอน้ำพอง ต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ เป็นอำเภอที่มีเส้นทางผ่านของการเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย สู่แหล่งอินโดจีนเป็นอำเภอที่มีชื่อเสียงของอาหารพื้นเมืองอีสาน คือ ไก่ย่างเขาสวนกวางอันเป็นที่ยอมรับของชาวไทยและชาวต่างชาติ

ประวัติความเป็นมา
เดิมนั้น อำเภอเขาสวนกวางขึ้นอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โดยเหตุที่พื้นที่และเขตการปกครองของอำเภอน้ำพองในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๑ พื้นที่กว้างขวางยากลำบากต่อราษฎรในการเดินทางติดต่อราชการกับส่วนราชการต่าง ๆ ณ ที่ว่าการอำเภอ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว ๒๖ ๖๑ กิโลเมตร ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจ การค้าของราษฎรบริเวณท้องที่ต่าง ๆ บริเวณทิศเหนือของอำเภอ(อำเภอน้ำพองขณะนั้น) อันประกอบด้วยตำบลเขาสวนกวาง ตำบลนางิ้ว ตำบลดงเมืองแอม ความเจริญก้าวหน้าและเป็นแหล่งชุมชนใหญ่อีกแห่งหนึ่ง กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประกาศยกฐานะท้องที่ตำบลต่าง ๆ ในขณะนั้นขึ้นเป็นกิ่งอำเภอ เรียกว่า กิ่งอำเภอเขาสวนกวางเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๑ โดยที่ตั้งศูนย์ราชการ ได้แก่ บริเวณบ้านทางพาด บ้านหนองกุง บ้านเขาสวนกวาง ริมถนนมิตรภาพ สายขอนแก่น อุดรธานี ตรงหลักกิโลเมตร ที่ ๔๙ เป็นที่ตั้งกิ่งอำเภอ
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๘ เมื่อสภาพของท้องที่มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น ชุมชนมีจำนวนหนาแน่น ประกอบกับมีการแยกท้องที่การปกครองออกจากตำบลนางิ้วเป็นตำบลโนนสมบูรณ์ และท้องที่ตำบลเขาสวนกวางออกเป็นตำบลคำม่วง จึงได้มีการยกฐานะเป็นอำเภอเขาสวนกวาง
ความเป็นมาของชื่ออำเภอ เขาสวนกวางไม่มีหลักฐานหรือเอกสารยืนยันได้แน่นอน
ว่าเป็นมาอย่างไร คงมีเพียงคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนที่บอกเล่าต่อ ๆ มาว่า เดิมมีพื้นที่อำเภอเขาสวนกวางบริเวณตำบลเขาสวนกวาง เป็นพื้นที่อันประกอบด้วยภูเขาเตี้ย ๆ ประกอบกับป่าดงดิบมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าชุกชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ป่าจำพวกกวาง ละอง ละมั่ง ชาวบ้านที่ขึ้นไปล่าสัตว์และหาของป่าจึงเรียกภูเขาบริเวณดังกล่าวว่า เขาสวนกวางครั้นต่อมาเมื่อราษฎรที่อพยพมาจากพื้นที่น้ำท่วมเหนือบริเวณก่อสร้างเขื่อนอุบลรัตน์ หรือ พองหนีบเข้ามาอยู่อาศัยมากขึ้น จึงปรากฏเป็นชุมชน หมู่บ้านที่มีประชากรหนาแน่น จนในที่สุดมีการยกฐานะชุมชนดังกล่าวขึ้นเป็นกิ่งอำเภอและอำเภอตามลำดับดังกล่าวมา

ตำแหน่งที่ตั้ง
อำเภอเขาสวนกวาง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดขอนแก่น ห่างจากตัวจังหวัดขอนแก่น ๕๐ กิโลเมตร จุดที่ตั้งอำเภอปัจจุบันตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๑๑ ตำบลคำม่วง บนพิกัดที่ TD ๗๒๕๖๔๘ ตามแผนที่ระวาง ๕๕๔๓ TT อำเภอหนองแสง และบ้านกุดหมากไฟ L๗๐๑๗

เนื้อที่
อำเภอเขาสวนกวาง มีเนื้อที่ทั้งหมด ๓๓๐ ตารางกิโลเมตร หรือ ๒๐๖,๒๕๐ ไร่

อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดต่อกับเขตอำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองวัวซอ อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี
ทิศใต้ ติดต่อกับ เขตอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ เขตอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ เขตอำเภออุบลรัตน์ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพพื้นที่ ลักษณะพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบเชิงเขา ด้านทิศตะวันตกเป็นที่ราบเชิงเขาในเขตอุทยานแห่งชาติภูเก้า ภูพานคำ ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบเชิงเขาสวนกวาง มีภูเขาในเขตพื้นที่ คือ ภูเก้า ภูพานคำ และภูเขาสวนกวาง ไม่มีน้ำไหลผ่าน มีเพียงลำห้วยเสือเต้นที่มีน้ำไหลตลอดปี
ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุม ๓ ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว
การปกครอง
แบ่งการปกครองตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ ประกอบด้วย ๕ ตำบล ๕๖ หมู่บ้าน ดังนี้
๑. ตำบลเขาสวนกวาง มี ๑๑ หมู่บ้าน
๒. ตำบลดงเมืองแอม มี ๑๕ หมู่บ้าน
๓. ตำบลคำม่วง มี ๑๓ หมู่บ้าน
๔. ตำบลโนนสมบูรณ์ มี ๑๐ หมู่บ้าน
๕. ตำบลนางิ้ว มี ๗ หมู่บ้าน

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีเทศบาล ๒ แห่ง คือ เทศบาลตำบลเขาสวนกวาง เทศบาลโนนสมบูรณ์ และมีองค์การบริหารส่วนตำบล ๔ แห่ง
ศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี
อำเภอเขาสวนกวาง มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่คล้ายคลึงกับอำเภออื่น ๆ ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง กล่าวคือ การดำเนินชีวิตตามหลักฮิตสิบสองคลองสิบสี่ จะมีบุญประเพณีเป็นประจำทุกเดือนตามที่เคยปฏิบัติมา นอกจากนี้มีงานเทศกาลประจำอำเภอคือ งานเทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวาง ซึ่งจัดขึ้นบริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเขาสวนกวาง กำหนดจัดงานสัปดาห์ที่สองของเดือนมกราคม ก่อนวันเด็ก ๑ วัน วันเด็ก และหลังวันเด็ก รวม ๓ วัน ๒ คืน มีกิจกรรม คือ
ภาคเช้า มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ไก่ ขบวนแห่ แข่งขันกินไก่ ประกวดร้านไก่ย่าง ประกวดการแข่งขันส้มตำ ประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ประกวดแข่งขันดนตรีพื้นเมือง กิจกรรมแสดง ผลิตภัณฑ์ ๑ ตำบล ๑ ผลิตภัณฑ์ ออกร้านแสดงผลงานของหน่วยงาน และงานกิจกรรมวันเด็ก
ภาคกลางคืน มีการประกวดเทพีไก่ การแสดงของเยาวชน มหรสพสมโภชตลอดคืน

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
๑. น้ำตกตาดฟ้าและถ้ำกินรี

๒. แหล่งโบราณคดีดงเมืองแอม
๓.น้ำตกธารสวรรค์
๔. อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคe
๕. อ่างเก็บน้ำห้วยคุมมุม
๖. ถ้ำหมูบ
๗. สวนสัตว์เขาสวนกวาง